ริดสีดวงกลีบมะเฟือง คืออะไร เกิดจากอะไร รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
ริดสีดวงกลีบมะเฟือง
ริดสีดวงมะเฟืองเป็นริดสีดวงมีหัวชนิดรุนแรงที่สร้างความเจ็บปวด จนคุณต้องขนลุก เพราะนอกจากจะสร้างความลำบากในขณะลุกนั่ง แล้วยังทำให้รู้สึกปวดแสบมากในขณะขับถ่าย และทำให้รู้สึกเปียกชื้นที่ทวารหนักในระหว่างวันเมื่อเวลาอักเสบ มีหนอง หรืออาจส่งกลิ่นเหม็นระหว่างวัน ซึ่งหากไม่รีบรักษาอาจมีการพัฒนาจนกลายเป็นริดสีดวงบานทะโรค ซึ่งเป็นริดสีดวงในระยะที่อันตรายถึงชีวิตได้ แต่เพื่อไม่ให้หลายคนต้องรู้สึกกังวล ในบทความนี้เราจะพามาทำความรู้จักริดสีดวงกลีบมะไฟแบบเจาะลึก พร้อมแนะนำวิธีรักษาให้หายขาดซึ่งจะมีข้อปฏิบัติอะไรบ้างมาดูกันเลย
ริดสีดวงมะเฟือง คืออะไร?
ริดสีดวงมะเฟือง หรือริดสีดวงกลีบมะเฟือง คือ ริดสีดวงที่มีหลายหัวเกิดติดๆกันบวมเป่งโผล่ออกมานอกรูทวารสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ตัวติ่งเนื้อมีลักษณะแยกแฉกออกคล้ายกีบของลูกมะเฟือง(มองจากขั้วมะเฟือง) ทำให้รู้สึกเจ็บปวดแสบปวดร้อนในขณะที่ขับถ่าย เมื่อเกิดการอักเสบจะทำให้รู้สึกเจ็บมากและมีเลือดไหลออกมาในขณะขับถ่าย ถือเป็นริดสีดวงชนิดรุนแรง หากไม่รีบรักษามีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นริดสีดวงบานทะโรค (เป็นระยะสุดท้ายของริดสีดวง)
ริดสีดวงมะเฟือง เกิดจากอะไร?
โรคริดสีดวงมะไฟ เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการมีแรงดันในเส้นเลือดทวารหนักมากกว่าปกติ ทำให้เนื้อเยื่อปลายทวารเกิดอาการโป่งพอง จนมีอาการบวมและโผล่ออกมานอกขอบทวาร ซึ่งสาเหตุของการเกิดริดสีดวงมะไฟมีหลายประการ ได้แก่
- ยกของที่มีน้ำหนักมากเป็นประจำ : ซึ่งการยกนำหนังจะทำให้เกิดการเกร็งในบริเวณหน้าท้อง อุ้งเชิงกราน หูรูดรูทวาร และทำให้เกิดแรงดันในช่องท้อง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการเส้นเลือดในลำไล้พองตัว จนดันเนื้อเยื่อส่วนปลายสุดของทวารให้ยื่นออกมา
- การนั่งเบ่งถ่ายอุจจาระเป็นเวลานาน : การนั่งถ่ายอุจจาระนานๆอาจทำให้หลอดเสือดดำในลำไส้เกิดการหย่อนตัวมากกว่าปกติ ซึ่งงจะทำให้เกิดการอักเสบและบวมบริเวณรูทวารได้
- การท้องผูกบ่อยๆทำให้ต้องเบ่งอุจจาระแรงๆเป็นประจำ : การจะทำให้เกิดแรงดันในช่องท้องมาก และเมื่อทำเป็นประจำอาจะทำให้เสื้อเลือดได้รับบาดเจ็บ จนมีเลือดไหลบนออกมากับอุจจาระได้
- กการท้องเสียเรื้อรัง : อาจจะให้มีการเบ่งเพื่อถ่ายอุจจาระก้อนสุดท้ายให้ออกมา เมื่อเบ่งถ่ายบ่อยๆจะทำให้เส้นเลือดดำเกิดการโป่งพอง และเกิดการอักเสบบวมที่ทวารหนัก จึงเป็นอีกสาเหตุของโรคริดสีดวง
- การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักบ่อยครั้ง : การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักจะทำให้เกิดการเสียดสี และอาจทำให้เกิดการฉีกขาด หรือการบาดเจ็บที่รูทวาร จนเสี่ยงต่อการอักเสบและเกิดเป็นโรคริดสีดวงทวารในที่สุด
- กรรมพันธุ์ : สำหรับบางคนที่คนในครอบครัวมีประวัติเคยเป็นโรคนี้มาก่อน จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคริดสีดวงได้มากกว่าคนปกติ เพราะโรคริดสีดวงสามารถถ่ายทอดทางพันธุ์กรรมได้
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น : ในผู้ที่สูงอายุจะมีการเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันทางทวารหนัก ทำให้มีติ่งเนื้อยื่นออกกจากซึ่งเป็นที่อีกหนึ่งที่มาของการเกิดโรคริดสีดวง
- การรับประทานอาหารที่มีรสจัดเป็นประจำ : การทานอาหารที่มีรสชาติจัด หรือ รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อยก็อาจส่งทำให้ระบบย่อยทำงานได้ไม่เต็มที่ จนส่งผลต่อการขับถ่าย และทำให้เกิดโรคริดสีดวงได้แบบไม่รู้ตัว
- การดื่มน้ำน้อย : การดื่นน้ำน้อยมีผลโดยตรงต่อระบบของลำไส้ ซึ่งจะทำให้ลำไส้สามารถดูดซึมสารอาหารได้ไม่เต็มที่แล้ว ยังทำให้การขับของเสียออกจากร่างกายทำงานหนักจนอุจจาระแข็งขับถ่ายยาก
- โรคประจำตัว : โรคประจำตัวบางอย่างก็อาจส่งผลต่อลำไส้ของผู้ป่วยโดยตรง เช่น ตับแข็ง โรคอ้วน หรืออยู่ในภาวะตั้งครรภ์ ที่ทำให้เกิดความดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น
- การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ : แอลกอฮอล์จะเข้าไปดูดน้ำออกจากร่างกาย ทำให้ลำไส้ขาดน้ำ หรือสำไส้แห้งซึ่งมีผลทำให้อุจจาระได้ยาก หรืออุจจาระเป็นก้อนแข็งบาดรูทวาร หากดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำก็จะส่งผลทำให้เป็นโรคริดสีดวงได้เช่นกัน
อ่านบทความเพิ่มเติม : 7 พฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยงโรคริดสีดวง ป้องกันได้หากปรับพฤติกรรมให้ถูกต้อง
ริดสีดวงกลีบมะเฟืองมีลักษณะอย่างไร
ริดสีดวงกลีบมะเฟือง เป็นริดสีดวงที่มีหัวริดสีดวงขึ้นอยู่รอบปากทวารหนัก โดยส่วนใหญ่มักมีหลายหัวแยกออกจากกันเป็นแฉกๆ มีลักษณะคล้ายกับผลของมะเฟือง (มองจากขั้วมะเฟือง) ถือเป็นริดสีดวงชนิดที่มีความรุนแรง เพราะติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นนั้นจะบวมเป่งและมีขนาดที่ใหญ่ผิดปกติ จึงทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดทรมานไม่สามารถนั่งหรือนอนได้ตามปกติ
ริดสีดวงกลีบมะเฟืองกับริดสีดวงกลีบมะไฟต่างกันอย่างไร
จริงๆแล้วริดสีดวงกลีบมะเฟืองและริดสีดวงกรีบมะไฟ เป็นริดสีดวงชนิดเดียวกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเรียกตามขนาดของหัวริดสีดวง เช่นหากริดสีดวงมีหลายหัวขนาดใหญ่จะเรียกริดสีดวงกลีบมะเฟือง และริดสีดวงที่มีหลายหัวติดกันที่มีขนาดเล็กมักเรียกว่าริดสีดวงกลีบมะไฟ ซึ่งริดสีดวงทั้งชนิด 2 ชนิดนี้ ต่างเป็นริดสีดวงชนิดที่มีรุนแรง และมีลักษณะที่แตกต่างไปจากริดสีดวงอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด
อาการของริดสีดวงมะเฟือง
อาการที่มักพบในคนที่ป่วยเป็นริดสีดวงมะเฟือง คือ รู้สึกปวดแสบปวดร้อนเวลาขับถ่าย เนื่องจากริดสีดวงมะเฟืองจะมีหลายหัวทำให้ถ่ายอุจจาระไม่สุด หรือบางทีอุจจาระจะออกมาแบบกะปริดกะปรอย เพราะริดสีดวงมีหลายหัวเป็นติ่งเนื้อขนาดใหญ่ปิดรูทวารไว้
ทำให้มีอาการเจ็บ ปวด แสบ คัน ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีอาการร้อนใน นอนไม่หลับ ปากแห้งคอแห้ง และเมื่อติ่งเนื้อโผล่ออกมาด้านนอกจะทำให้เกิดการอักเสบ บวม มีเลือดไหล ซึ่งอาจทำให้ตัวเหลือง วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด อุจจาระปนเลือดปนหนอง และเป็นลมจากการเสียเลือดมาก หากปล่อยไว้โดยไม่รักษาจะทำให้มีความรุนแรง และมีอาการอาการริดสีดวงแตกในที่สุด
ริดสีดวงมะเฟือง อันตรายหรือไม่?
จากการสำรวจพบว่าความเจ็บปวดของริดสีดวงมะเฟืองนั้น จะมีความรุนแรงกว่าริดสีดวงชนิดอื่น เพราะริดสีดวงชนิดนี้จะมีหัวขนาดใหญ่ นูนปิดหน้ารูทวารแน่นหนาทำให้การขับถ่ายเป็นไปได้อย่างยากลำบาก และทุกครั้งของการขับถ่าย จะพบว่ามีเลือดปนมากับอุจจาระด้วย เนื่องจากติ่งริดสีดวงจะถูกเสียดสีโดยอุจจาระนั่นเอง นอกจากนี้ริดสีดวงมะเฟืองยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอื่นๆอีกด้วย เช่น ทำให้การนั่งเก้าอี้หรือพื้นแข็งๆเป็นไปได้ยาก จะลุกนั่งหรือเดินก็ลำบาก เพราะรู้สึกเจ็บจากการเสียดสี ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รีบรักษา อาจทำให้ริดสีดวงอักเสบ พัฒนาเป็นริดสีดวงบานทะโรค และอาจแตกออกมาได้ (ซึ่งถือเป็นเรื่องซีเรียสที่ไม่ควรเกิดขึ้น) เพราะจะทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาจนทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากกว่าเดิม และที่สำคัญอาจมีอันตรายส่งผลถึงชีวิตได้
ริดสีดวงมะเฟือง รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง?
ริดสีดวงกลีบมะไฟ เป็นริดสีดวงชนิดที่มีความรุนแรง แต่ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำต่างๆดังนี้
1. ทานยาสมุนไพรรักษาริดสีดวง
เพื่อปรับธาตุและปรับความสมดุลของลำไส้ ซึ่งเป็นการรักษาริดสีดวงจากภายใน ช่วยลดการอักเสบ และช่วยลดอาการบวมของเส้นเลือดด และทำให้ติ่งริดสีดวงมะไฟฝ่อเล็กลงได้ ซึ่งสมุนไพรที่มีคุณสมบัติในการรักษาริดสีดวงมะไฟได้แก่
- เพชรสังฆาต ที่มีสรรพคุณในการรักษารักษาโรคริดสีดวงทวารได้ทั้งริดสีดวงภายใน และริดสีดวงภายนอก อีกทั้งเพชรสังฆาตยังมีความพิเศษคือช่วยแก้ริดสีดวงทวารทั้งชนิดกลีบมะไฟได้อีกด้วย
- ใบมะกา มีสรรพคุณในการช่วยปรับให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น และยังช่วยเป็นยาระบายอ่อนๆ
- โกฐกักกรา มีสรรพคุณช่วยในการขับลมในลำไส้ และช่วยรักษาหัวริดสีดวงให้มีขนาดเล็กลง
- ใบมะขามแขก มีสรรพคุณช่วยแก้อาการท้องผูก และทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มไม่เป็นก้อนแข็ง
- อัคคีทวาร มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบและทำให้หัวริดสีดวงฝ่อเล็กลง
2. สบู่สมุนไพรทำความสะอาดริดสีดวง
ริดสีดวงทวารเมื่อเกิดการอักเสบแล้ว อาจทำให้เกิดแผลขึ้นที่รอบขอบรูทวาร ซึ่งจำเป็นจะต้องรักษาความสะอาดมากเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และลดการระคายเคือง ซึ่งสบู่ทำความสะอาดริดสีดวง อันโดะ มีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเพชรสังฆาต ใบบัวบก ทองพันชั่ง ฟ้าทะลายโจร ใบหญ้านาง ที่จะช่วยบรรเทาอาการอักเสบ แสบ คันของริดสีดวงลงได้ และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวอีกด้วย
3. ใช้เปรย์รักษาริดสีดวง
ที่มีส่วนผสมของดอกดาวเรืองหม้อ อัลลันโทอิน ว่านหางจระเข้ น้ำแร่บริสุทธิ์จากเกาะโอกินว่า ใบบัวบก และนมผึ้ง ซึ่งล้วนแต่ประโยชน์ต่อผิวและช่วยบรรเทาอาการอักเสบ เจ็บปวด แสบ คัน รอบทวารและช่วยลดการเสียดสีจากการนั่ง เดิน หรือทำกิจกรรมต่างๆในระหว่างวัน และช่วยสมานเเผลให้หายไวขึ้น
4. นั่งแช่ในน้ำอุ่น เมื่อมีอาการปวดริดสีดวง
การนั่งแช่ในน้ำอุ่นจัดประมาณ 10-15 นาที วันละ 2 ครั้งก่อน-หลังการถ่ายอุจจาระ จะช่วยลดการอักเสบ และลดการขยายตัวของหลอดเลือดดำทำให้หัวริดสีดวงหดเล็กลง ซึ่งแนะนำให้ทำต่อเนื่องประมาณ 7 – 10 วัน
5. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร
โดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด หรืออาหารประเภทของทอดของมัน และหันมารับประทานอาหารมี่มีกากใยสูง เพื่อช่วยใหระบบการขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังควรดื่มน้ำให้มากๆ อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน เพื่อลดอาการท้องผูก และอุจจาระไม่เป็นเป็นก้อนแข็ง
6. การผ่าตัดริดสีดวง
การรักษาริดสีดวงมะไฟด้วยการผ่าตัด เป็นการรักษาสำรับผู้ป่วยในระยะที่ 3-4 ซึ่งมีติ่งเนื้อขนาดใหญ่มาก โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดติ่งเนื้อออกเพื่อเย็บ หรือผูกหัวริดสีดวงเพื่อทำให้ติ่งเนื้อกลับเข้าไปในลำไส้ ซึ่งการผ่าตัดรักษาริดสีดวงมะไฟทำได้หลายวิธี คือ
- ผ่าตัดแบบธรรมดาหรือผ่าตัดแบบเปิด (Open Haemorrhoidectomy)
- ผ่าตัดด้วยเครื่องมือเย็บอัตโนมัติ (Staple Haemorrhoidectomy: PPH)
- ผ่าตัดด้วยเลเซอร์ (Laser Hemorrhoidoplasty)
วิธีป้องกันริดสีดวงมะเฟือง
ริดสีดวงมะไฟมีสาเหตุของการเกิดโรคเหมือนๆกับริดสีดวงชนิดอื่นทั่วไป เพียงแต่ริดสีดวงชนิดนี้มีความรุนแรงมากกว่าริดสีดวงชนิดอื่นๆ ซึ่งมีวิธีป้องกันและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ดังนี้
- ทานอาหารประเภทผักผลไม้ที่มีกากใยสูง ซึ่งช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายได้โดยตรง
- ไม่ใช้เวลาในการนั่งถ่ายนานเกินไป ไม่เล่นโทรศัพท์หรืออ่านหนังสือในขณะขับถ่าย
- ไม่เบ่งอุจจาระแรงๆ เพื่อไม่ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้อง และไม่ทำให้หลอดเลือดดำที่ปลายทวารโป่งพอง
- ดื่มน้ำมากๆในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเต็มที่ สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้ปกติ โดยไม่เกิดปัญหาท้องผูก
- หลีกเลี่ยงการยกของหนัก เพื่อลดการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง อุ้งเชิงกราน สะโพก และลดการเกิดแรงดันในช่องท้อง
- ดูแลระบบขับถ่าย ให้เป็นเวลา ไม่กลั้นอุจจาระ ไม่เบ่งอุจจาระแรงๆ
ซึ่งการปรับพฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็นข้อควรปฏิบัติขั้นพื้นฐานสำหรับการป้องกันริดสีดวงทวารทุกชนิด
รูปภาพริดสีดวงมะเฟือง
สรุป
สำหรับใครที่กำลังเผชิญกับโรคริดสีดวงมะไฟ หรือริดสีดวงกลีบมะไฟ แนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์เพื่อเร่งทำการรักษาให้ถูกวิธี เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาการของโรคอาจมีการพัฒนาบานปลาย มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และไม่สามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง จนนำไปสู่การรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนาน