คนท้องเป็นริดสีดวง อันตรายไหม? รักษายังไง? มีวิธีปฏิบัติตัวอย่างไร
การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนที่รวดเร็วของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และ ปริมาณการไหลเวียนของโลหิตที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เส้นเลือดดำที่อยู่รอบๆ ทวารหนักขยายตัว จนทำให้เกิดอาการบวม และยิ่งเฉพาะในช่วงที่มดลูกเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นตามอายุครรภ์ ก็จะทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือดดำจนทำให้เป็นริดสีดวงตอนท้องได้ ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้คุณแม่ตั้งครรภ์มักจะมีอาการริดสีดวงทวารกันในระหว่างที่ตั้งครรภ์ ซึ่งอาจสร้างความวิตกกังวลใจได้ว่าคนท้องเป็นริดสีดวงจะรักษายังไง? วันนี้เรามีคำแนะนำที่มีประโยชน์ที่จะช่วยรักษาอาการริดสีดวงในคนท้องมาฝากคุณแม่ทั้งหลาย มีอะไรบ้างไปดูกัน
ริดสีดวงในคนท้อง เกิดจากอะไร?
คุณแม่ตั้งครรภ์มีโอกาสเป็นริดสีดวงได้มากกว่าคนทั่วไป สาเหตุของการเกิดริดสีดวงในคนท้อง โดยส่วนมากมักเกิดกับคนท้อง 38 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากการมีอายุครรภ์ที่เพิ่มขึ้น ทำให้มดลูกเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นทำให้เกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือดดำจนทำให้เป็นริดสีดวงระยะ 4 ตอนท้องได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุของริดสีดวงในคนท้องได้แก่
- มดลูกที่ขยายใหญ่แล้วไปกดทับหลอดเลือดดำในช่องท้อง ทำให้หลอดเลือดดำที่อยู่บริเวณขา เท้า และก้น มีการไหลเวียนกลับเข้าสู่หัวใจยากขึ้น จนเกิดอาการคั่งของเลือด จนเกิดเป็นริดสีดวงทวารได้
- เกิดจากการนั่ง หรือยืนนานๆ จนเลือดไปรวมกันอยู่ตรงส่วนที่ต่ำของร่างกาย จึงทำให้เลือดไปคั่งที่เท้าทำให้เกิดอาการเท้าบวม หรือเส้นเลือดขอดขึ้นได้ ส่งผลให้เกิดอาการริดสีดวงทวารหนักได้เช่นกัน
- อาการท้องผูกที่เกิดขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งจะใช้เวลานในการถ่ายค่อนข้างนาน และ ต้อใช้แรงเบ่งในการถ่ายอุจจาระ ซึ่งทำให้อาการริดสีดวงทวารในระหว่างการตั้งท้องได้
- ในระหว่างการตั้งท้องร่างกายจะมีการสร้างฮอร์โมนต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้ จะทำให้หลอดเลือดดำมีการขยายตัวมากขึ้น ส่งผลให้มีเลือดคั่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดริดสีดวงง่ายขึ้น
อาการของริดสีดวงในผู้หญิงที่ตั้งครรภ์
โดยส่วนมากอาการริดสีดวงที่มักพบบ่อยในตอนท้องหากไม่มีอาการมากนัก อาจจะมีอาการคันที่ก้นเล็กน้อย ไม่มีความรู้สึกเจ็บ และไม่มีติ่งโผล่ออกมาให้เห็น ไม่สามารถคลำเจอ แต่หากมีอาการมากมักจะมีเลือดออก ถ่ายเป็นเลือด หรือมีเลือดหยดหลังการถ่ายอุจจาระ มีเลือดติดกระดาษทิชชู่ ซึ่งเกิดจากเส้นเลือดบริเวณที่ปากทวาร มีติ่งเนื้อริดสีดวงโผล่ออกมานอกขอบรูทวาร สามารถคลำเจอได้ มีอากรบวม อักเสบ และ มีอาการปวดบริเวณริดสีดวงร่วมด้วย ในคุณแม่ท้องบางรายที่มีอาการอักเสบรุนแรงอาจปวดระบมจนนั่งลำบาก
อ่านเพิ่มเติม : รวม Q&A อาการปวดริดสีดวง พร้อมตอบคำถามที่พบบ่อย
คนท้องเป็นริดสีดวง ต้องรักษาอย่างไร
วิธีรักษาริดสีดวงในคนท้องที่ปลอดภัย และเห็นผลการรักษาได้ชัดเจน ซึ่งสามารถทำการรักษาได้ดังนี้
- ใช้ยาเหน็บและทายา ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างละเอียด (ซึ่งในยาเหน็บและยาทาจะมีตัวยาที่เป็นยาชาและตัวยาลดการบวม) ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดริดสีดวงในคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องได้
- ใช้สบู่ทำความสะอาดริดสีดวงอันโดะ ที่ใช้ในการทำความสะอาดบริเวณที่เป็นริดสีดวงโดยเฉพาะ เพื่อลดอาการคัน อักเสบ และ ช่วยบรรเทาอาการริดสีดวงทวารได้เป็นอย่างดี
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับ บริเวณริดสีดวงโดยใช้สเปรย์บรรเทาริดสีดวงทวารอันโดะ ที่มีส่วนประของน้ำแร่จากญี่ปุ่น และสมุนไพร เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ คัน แสบ รอบทวาร ในระหว่างวัน และ ช่วยลดการติดเชื้อจากการใช้มือสัมผัส (หญิงตั้งครรภ์ใช้ได้)
- สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อยู่ในระยะติ่งริดสีดวงยื่นออกมา และไม่สามารถหดกลับได้เอง ถ้าเป็นหนักมากๆ อาจจะต้องใช้วิธีการผ่าตัด หรือ ให้ทานยาแก้ริดสีดวง ซึ่งโดยส่วนมากแพทย์มักจะรอให้คลอดก่อน
อ่านบทความเพิ่มเติม : 10 วิธีรักษาริดสีดวงแบบธรรมชาติ ด้วยตัวเอง ให้หายเร็ว โดยไม่ผ่าตัด
คนท้องเป็นริดสีดวงกี่วันหาย?
โดยส่วนใหญ่อาการริดสีดวงทวารในคนท้องมักจะหายไปภายใน 2-3 สัปดาห์หลังคลอด แต่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์บางรายอาจมีอาการของริดสีดวงแบบเป็นๆ หายๆ ซึ่งแพทย์จะรอให้คลอดก่อนจึงจะแนะนำให้รับประทานยาริดสีดวงเพื่อรักษาริดสีดวงต่อไป ซึ่งหากปล่อยไว้ไม่ทำการรักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้เป็นริดสีดวงที่รุนแรงขึ้นได้
คนท้องเป็นริดสีดวง ควรใช้ยาอะไรดี?
- ยากินรักษาริดสีดวง : เป็นยาสมุนไพรรักษาริดสีดวงทวารอันโดะ ที่ผ่านการคัดสรรสมุนไพรตามตำรับยาโบราณที่มีสรรพคุณในการรักษาริดสีดวงโดยเฉพาะ สามารถรักษาริดสีดวงได้แบบต้นตอ ไม่ใช่แค่รักษาอาการ จึงทำให้เห็นผลชัดเจน และเข้มข้นมากกว่าสมุนไพรยี่ห้ออื่นถึง 10 เท่า มีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียง ผ่านการควบคุมมาตรฐานการปรุงยาสมุนไพร โดยเภสัชกรแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญ
- ยาทารักษาริดสีดวง : ยาทารักษาริดสีดวง และ สเปรย์บรรเทาอาการริดสีดวงอันโดะ ที่ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ อาการคัน ระคายเคืองในระหว่างวัน ช่วยลดความเจ็บ โดยการฉีดพ่นภายนอก เหมาะสำหรับคนเป็นริดสีดวง คนมีแผลอักเสบ มีหัวริดสีดวง ทำให้อาการดีขึ้นอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีดยา และ ไม่ต้องรัดหัว
- ยาสอดหรือยาเหน็บริดสีดวง : ยาเหน็บริดสีดวงทวาร ที่มีส่วนผสมของเสตียรอยด์ ยาชาและยาแก้อักเสบ เช่น พร็อกโตซีดิล (proctosedyl) เป็นยาสามารถใช้ได้ในคนท้อง นิยมใช้ในช่วงที่มีการอักเสบมาก อาจจะเหน็บวันละ 2-3 ครั้ง เช้า และ ก่อนนอน หลังหลังการขับถ่าย จนอาการต่างๆดีขึ้น
คนท้องกินยาริดสีดวงได้ไหม?
จริงๆแล้ว อาการริดสีดวงทวารในกลุ่มคนท้องสามารถรักษาได้หลายวิธี โดยวิธีที่ใช้จะขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของอาการที่เป็น ซึ่งส่วนมากจะแนะนำให้มีการรักษาร่วมไปกับการรับประทานอาหารที่มีกากใยมากๆ ดื่มน้ำมากๆ ดูแลรักษาบริเวณริดสีดวงให้สะอาด และแห่งอยู่เสมอ รวมถึงมีการแช่น้ำอุ่นจัดเป็นประจำทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 7-10 วัน วันละ 15-20 นาที ควบคู่ไปกับการรับประทานยาในกลุ่มแก้ปวดและยาทาหรือใช้สเปรย์รักษาริดสีดวง แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่ยากลุ่มสเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน
เป็นริดสีดวงตอนท้อง อันตรายไหม?
สำหรับภาวะริดสีดวงทวารที่อยู่ในระหว่าการตั้งท้อง จะไม่ส่งผลที่เป็นอันตรายใดๆ กับการตั้งท้อง และไม่มีผลเสียต่อทารกในครรภ์ แต่อาจจะสร้างความรำคาญใจให้กับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ได้ จากอาการคันรอบทวารหนัก มีอาการเจ็บ ปวด แสบ และ มีเลือดไหลในระหว่างการขับถ่าย หรือ มีเลือดหยดตามหลังถ่ายเมื่อถ่ายอุจจาระเสร็จ
ซึ่งอาจมีติ่งริดสีดวงโผล่ออกมาเวลาที่มีการเบ่งถ่ายอุจจาระ และ จะหดกลับเข้าไปหลังการขับถ่าย หรือบางคนอาจเป็นก้อนอยู่ภายนอก ไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บมาก ถ้าหากมีอาการบวม อักเสบที่รุนแรง มีผลทำให้เดิน นั่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆได้ไม่สะดวก และยิ่งถ้าเกิดการเสียดสีมากๆ ก็อาจจะทำให้ริดสีดวงแตก มีเลือดออก ส่งกลิ่นเหม็นได้
ริดสีดวงขณะตั้งครรภ์ป้องกันได้หรือไม่
ถึงแม้ว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อาจมีภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดริดสีดวงได้มากกว่าคนปกติ เนื่องจากการตั้งครรภ์อาจเพิ่มแรงดันในช่องท้อง แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงของหารเกิดโรคได้ หากมีการดูแลในเรื่องของระบบขับถ่ายให้ดี เช่น เข้าห้องน้ำทันทีที่รู้สึกอยากถ่าย และไม่ควรกลั้นอุจจาระ เนื่องจากการกลั้นอุจจาระอาจส่งผลให้เกิดอาการท้องผูก ทำให้ต้องเบ่งแรงๆ เพื่อขับถ่ายในครั้งต่อไป ซึ่งเป็นการกระตุ้นทำให้เกิดริดสีดวงทวารได้ง่าย ฝึกเข้าห้องน้ำให้เป็นเวลา และดูแลเรื่องระบบขับถ่ายให้เป็นนิสัย ควรดื่มน้ำมาก ๆ จิบน้ำบ่อยๆให้ได้อย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตรต่อวัน และทำให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหวเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดี
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นริดสีดวงตอนท้อง
การดูแลตัวเองด้วยวิธีง่ายๆด้วยตัวเองจากการเป็นริดสีดวงตอนท้อง ที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทำได้ เพื่อเป็นการช่วยลดอาการของริดสีดวง และ ช่วยให้ติ่งเนื้อที่โผล่ออกมาฝ่อตัว หดกลับเข้าที่เดิมโดยไม่ต้องผ่าตัดมีดังนี้
- นั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด 15-20 นาที ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดทำงานได้สะดวกมากขึ้นและ ช่วยลดความเจ็บปวดบริเวณริดสีดวงทวารหนักได้ดี
- ประคบเย็นบริเวณที่เป็นริดสีดวง ด้วยแผ่นผ้า หรือแผ่นเจลเย็น ซึ่งความเย็นจะช่วยทำให้หลอดเลือดมีการหดรัดตัว ช่วยลดอาการบวมของติ่งเนื้อ และ ลดอาการปวดลงได้
- ไม่ควรกลั้นอุจจาระ เพราะจะส่งผลให้มีอาการท้องผูก ที่ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระแรงๆ ซึ่งเป็นกระตุ้นให้เกิดอาการริดสีดวงทวารนั่นเอง
- แนะนำให้สาวๆที่กำลังตั้งครรภ์ ให้มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น ว่ายน้ำ เพราะการออกกำลังกายจะช่วยทำให้ลำไส้ได้เคลื่อนไหว ซึ่งจะทำให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้แป้งโรยตัว สบู่ กระดาษทิชชู่ หรือผ้าเช็ดทำความสะอาดผิวบริเวณทวารที่มีส่วนผสมของน้ำหอม
- ล้างทำความสะอาดก้นด้วยน้ำสะอาด หรือ สบู่ที่ใช้ในการรักษาริดสีดวงหลังการขับถ่ายทุกครั้ง และ เช็ดให้แห้งสนิท
- ฉีดเสปรย์ทำความสะอาดริดสีดวง ลดการเสียดสี ลดการติดเชื้อระหว่างวัน ยับยั้งเชื้อแบททีเรีย และช่วยสมานแผล ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้น
- สวมกางเกงชั้นในผ้าฝ้ายให้หลวม ๆ หลีกเลี่ยงการสวนกางเกงในที่รักแน่น จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวและลดการเสียดสีได้ดี
- คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องหลีกเลี่ยงการดื่ม ชา กาแฟ และ น้ำอัดลม (รวมทั้งเครื่องที่มีแอลกอฮอล์)
- ควรรับประทานผักผลไม้ที่มีกากใยสูง เช่น ผักใบเขียว แอปเปิ้ล ส้ม สับปะรด แก้วมังกร มะละกอสุกเป็นต้น
- แนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อย 2-3 ลิตร ต่อวัน
- สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ แนะนำให้นอนตะแคงซ้ายทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อช่วยลดแรงดันภายในช่องท้องได้ หรือ ยกขาพาดกับเก้าอี้ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดแรงดันในท้องได้ หรือ นอนคว่ำในท่าเข่าชิดบริเวณอก ท้อง หรือนอนท่าก้นโด่ง ในช่วงตอนเย็น หรือ กลางคืน 10-15 นาที/วัน ก็จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดที่บริเวณทวารหนักกลับสู่หัวใจให้ดีขึ้นได้เช่นกัน
ริดสีดวงตอนท้อง ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ไหม
ภาวะริดสีดวงทวารในขณะตั้งครรภ์ ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ และไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ เพียงแต่มักอาการของโรคมักจะสร้างความรำคาญให้กับคุณแม่ เช่นมีอาการคันริดสีดวง รู้สึกเจ็บตอนขับถ่าย มีเลือดไหลปนกับอุจจาระ ซึ่งหากมีเลือดออกมากอาจทำให้คุณแม่มีอาการซีดได้ ดังนั้นหากพบว่าเป็นริดสีดวงในขณะตั้งครรภ์ควรรีบปรึกษาแพทย์ให้เร็วที่สุด เพื่อให้แพทย์จะได้แนะนำการดูแลตัวอย่างถูกวิธี และลดความเสี่ยงต่ออาการข้างเคียงอื่นๆ
นอกจากนี้คุณแม่ที่เป็นริดสีดวงในขณะตั้งครรภ์ ยังสามารถเบาใจในเรื่องของการคลอดได้เลย เนื่องจากริดสีดวงทวารไม่ส่งผลต่อการคลอดแบบธรรมชาติ ซึ่งหลังการคลอดแพทย์ใช้ความระมัดระวังในการตัดเย็บแผล เพื่อไม่ให้ไปโดนริดสีดวง แต่หากคุณแม่มีอาการริดสีดวงในช่วงของการตั้งครรภ์ที่อยู่ในระยะ 3 ขึ้นไปและต้องทำการผ่าตัดเอาริดสีดวงออก แพทย์อาจจะพิจารณาให้ใช้วิธีผ่าคลอดแทน เนื่องจากการคลอดธรรมชาติอาจส่งผลกระทบกับแผลผ่าตัดริดสีดวงได้
ตอนท้องผ่าตัดริดสีดวงได้ไหม?
เป็นคำถามที่พบบ่อยสำครับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องเจอกับอาการของริดสีดวง ว่าถ้าเป็นหนักมากจำเป็นต้องผ่าตัดหรือไม่? โดยทั่วหากมีอาการของริดสีดวงในขณะการตั้งครรภ์ จะแนะนำให้ใช้รักษาด้วยวิธีประคับประคองอาการ โดยการแนะนำให้ปรับเปลี่ยนหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆแทน เช่นการไม่ปล่อยให้ท้องผูก การรับประทานอาหารที่มีกากใย การรักษาความสะอาดบริเวณรอบทวาร ปฏิบัติตัวให้เคร่งครัดแทนวิธีการผ่าตัด
แต่ในกรณีที่ต้องมีการรักษาริดสีดวงตอนท้องด้วยการผ่าตัดได้แก่ ติ่งริดสีดวง หรือ ก้อนเนื้อที่ยื่นออกมามีขนาดใหญ่มาก จนทำให้รู้สึกเจ็บปวด ทรมานมากจนต้องให้ยาแก้ปวดอย่างแรง และไม่สามารถดันก้อนกลับได้ หรือ มีการอักเสบรุนแรง มีเลือดออกมาก ติ่งเนื้อมีอาการเน่า เนื้อตาย โดยการผ่าตัดรักษาริดสีดวงในคนท้องจะมีการหลีกเลี่ยงการดมยาสลบ เพราะอาจทำให้มีผลต่อทารกในครรภ์ได้ จะใช้การฉีดยาชาเฉพาะที่หรือการบล็อคหลังเพื่อลดความเจ็บปวดแทน
สรุป เป็นริดสีดวงตอนท้องจะหายไหม?
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์มักมีความกังวลสูงมากเกี่ยวกับอาการของริดสีดวง ว่าเป็นริดสีดวงตอนทั้งแล้วจะหายไหม คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ สามารถรักษาให้หายได้หากมีการดูแลตัวเอง และ ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด โดยอาการริดสีดวงทวารมักจะหายภายใน 2-3 สัปดาห์หลังคลอด ดังนั้นคุณแม่จึงควรฝึกการขับถ่ายให้เป็นเวลา เน้นการกินอาหารที่มีกากใย และ การเคลื่นไหวเช่นการเดิน หรือการออกกำลังกายเบาๆ ก็จะช่วยให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดียิ่งขึ้น
บทความโดย
พทป. ธีรดี ดวงวาณิชย์
แพทย์แผนไทยประยุกต์ สมุนไพรไทยเพื่อการรักษาตามตำรับ