ริดสีดวงมีกลิ่นเหม็น
ริดสีดวงมีกลิ่นเหม็นจัดเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่ส่งกระทบได้ในหลาย ๆ ด้านโดยเฉพาะด้านสุขภาพและความมั่นใจ ซึ่งสาเหตุของการเกิดริดสีดวงมีกลิ่นเหม็นนั้นเกิดขึ้นมาจากอะไร อันตรายต่อสุขภาพหรือไม่และมีวิธีการรักษาได้ด้วยวิธีไหนบ้างในบทความนี้เรามีคำตอบ
ทำไมริดสีดวงมีกลิ่นเหม็น เกิดจากอะไร
การเกิดกลิ่นเหม็นหลังจากเป็นริดสีดวงนั้นถือเป็นอีกหนึ่งอาการหนึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ เนื่องจากการเกิดริดสีดวงมาจากการที่เส้นเลือดดำส่วนปลายสุดของทวารหนักเกิดการอักเสบ บวม และมีการพองตัวขึ้นกลายเป็นก้อนติ่งริดสีดวงออกมา ซึ่งก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือ ริดสีดวงแบบภายในและแบบภายนอก นอกจากนั้นยังสามารถแบ่งริดสีดวงแบบภายในออกได้เป็นอีก 4 ระยะตามลักษณะอาการที่เกิดขึ้น
ซึ่งเมื่อเกิดอาการดังกล่าวขึ้นมาส่งผลทำให้ก้อนเนื้อริดสีดวงนั้นไม่เลือดไปหล่อเลี้ยง บวกกับในบางรายอาจมีการอักเสบ มีน้ำเหลือง เน่า บางรายอาจมีเลือดออกร่วมกับการมีอุจจาระหลุดออกมาทำให้ส่วนของริดสีดวงมีกลิ่นเหม็นนั่นเอง
ริดสีดวงมีกลิ่นเหม็น อันตรายไหม
อาการริดสีดวงมีกลิ่นเหม็นนั้นไม่ได้มีความอันตรายแต่อย่างใด ซึ่งเป็นเพียงแค่ส่วนของอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากการบีบรัดของรูทวารหนัก ซึ่งส่งผลทำให้ไม่มีเลือดไปเลี้ยงในจุดริดสีดวงจนเกิดภาวะขาดเลือดจนนำไปสู่อาการบวม อักเสบและมีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้น
แต่ทั้งนี้หากพบว่าตัวเองมีอาการเป็นริดสีดวงแล้วส่งกลิ่นเหม็นแนะนำให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและวินิจฉัยโรค เนื่องจากในบางรายอาจไม่ใช่อาการริดสีดวง แต่อาจเป็นการเกิดฝีหรืออาจเกิดเชื้อเอดส์ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักก็ได้เช่นกัน
นอกจากนั้นการมีริดสีดวงส่งกลิ่นเหม็นยังส่งผลต่อความสัมพันธ์กับผู้คนรอบตัว เนื่องจากตัวกลิ่นนั้นอาจมีความรุนแรงจนสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้เช่นกัน
ริดสีดวงมีกลิ่นเหม็น รักษาอย่างไร
ต่อมาเรามาดูกันบ้างว่ามีวิธีไหนบ้างที่สามารถรักษาอาการริดสีดวงมีกลิ่นเหม็นได้บ้าง ซึ่งเราขอเอ่ยถึงวิธียอดฮิตทั้ง 8 วิธี ดังนี้
- 1.การแช่น้ำอุ่น
ถือเป็นวิธีที่แพทย์หลาย ๆ คนแนะนำสำหรับผู้ที่พึ่งเป็นริดสีดวงในระยะแรก ๆ เนื่องจากการแช่น้ำอุ่นจะช่วยลดอาการอักเสบ และลดการขยายตัวของเส้นเลือดบริเวณทวารหนักจึงช่วยรักษาริดสีดวงได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีทำก็คือการนั่งแช่น้ำอุ่นเป็นเวลา 10-15 นาทีทั้งตอนก่อนและหลังการขับถ่ายอุจจาระ ร่วมกับปรับพฤติกรรมการทานด้วยการเน้นทานอาหารที่มีกากใยสูงและลดพฤติกรรมการนั่งแช่นาน ๆ
- 2.ทายา
การทายาจัดเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาริดสีดวงซึ่งตัวยามักจะมาในรูปแบบของครีมหรือขี้ผึ้งที่จะต้องใช้การทาเป็นประจำทุกวันตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยลดอาการอักเสบ การบวมของก้อนริดสีดวงนั่นเอง - 3.เหน็บยา
วิธีนี้จะใช้การเหน็บตัวยาเข้าไปในรูทวารเพื่อให้ตัวยาเข้าไปช่วยลดอาการอักเสบ ลดการบวมและช่วยลดอาการเจ็บปวดของริดสีดวงได้ ซึ่งการใช้ยาเหน็บนั้นจะเป็นการใช้ตัวยาในกลุ่มไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone) และซินโคเคน ไฮโดรคลอไรด์ (Cinchocaine HCl) แต่ทั้งนี้ก็จะต้องเป็นการรักษาที่อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด - 4.ผ่าตัดแบบปกติ
วิธีการจะใช้เทคนิคการผ่าแบบกรีดเปิดปากแผลแล้วผ่าเอาส่วนที่เป็นก้อนติ่งริดสีดวงออกจากนั้นก็ทำการเย็บเพื่อปิดปากแผล ซึ่งวิธีนี้ก็ต่างมีเทคนิคในการผ่าอีกหลายแบบขึ้นอยู่กับแพทย์แต่ละคน แต่ก็มีข้อเสียคือหลังทำจะต้องมีการรักษาแผลผ่าตัดอย่างดีเพื่อป้องกันการติดเชื้อ รวมไปถึงการงดทำกิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวตัวอย่างมากเพื่อป้องกันไม่ให้แผลปริ - 5.ผ่าตัดด้วยเลเซอร์
- วิธีนี้จะใช้การยิงแสงเลเซอร์ในการเข้าไปในบริเวณส่วนที่เป็นริดสีดวง ซึ่งตัวพลังงานเลเซอร์จะเข้าไปทำหน้าที่ในการทำให้ก้อนริดสีดวงที่มีการอักเสบเกิดการยุบตัวและแห้งลงซึ่งวิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมค่อนข้างแพร่หลาย เพราะว่าหลังทำไม่มีรอยแผล และใช้ระยะการพักฟื้นหลังทำที่น้อยกว่าการผ่าตัดแบบปกติ
- 6.การผ่าตัดด้วยคลื่นวิทยุ
ส่วนวิธีการผ่าตัดริดสีดวงด้วยคลื่นวิทยุ (Radio Frequency Coagulation) จะมีความคล้ายคลึงกับการใช้เลเซอร์ในการรักษาริดสีดวง ซึ่งวิธีนี้ในระหว่างทำอาจจะต้องมีการฉีดยาชาแล้วทำการปล่อยตัวคลื่นวิทยุให้ลงไปยังตำแหน่งที่มีริดสีดวงเพื่อให้เกิดการฝ่อและยุบตัวลง ซึ่งทำให้หลังทำคนไข้สามารถฟื้นตัวได้ไวเทียบเท่ากับการเลเซอร์ - 7.การใช้ยางรัด
วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่มีมาอย่างยาวนานซึ่งจะเป็นการใช้ตัวยางรัดเข้าที่ฐานของริดสีดวงเพื่อไม่ให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงริดสีดวงได้ จึงทำให้ริดสีดวงเกิดการฝ่อตัวและในบางรายอาจจะหลุดออกไปในระหว่างที่ขับถ่ายอุจจาระได้ - 8.การฉีดยา
วิธีนี้จะใช้การฉีดตัวยาเข้าไปยังตำแหน่งของริดสีดวงทำให้ริดสีดวงเกิดการฝ่อตัวลง แต่ทว่าวิธีนี้จะต้องทำอย่างสม่ำเสมอโดยส่วนใหญ่หมอจะมีการนัดฉีดยาในทุก ๆ 2-4 สัปดาห์ และจะมีการใช้ร่วมกับวิธีการใช้ยางรัดเพื่อให้ริดสีดวงฝ่อตัวและหลุดออก ซึ่งเป็นวิธีที่จะต้องใช้ความชำนาญของแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นอย่างมาก
วิธีการทำความสะอาดริดสีดวงอย่างถูกวิธี
ริดสีดวงทวารหนักนั้นมักมีสาเหตุการเกิดมาจากหลายอย่าง หลายปัจจัยด้วยกันดังนี้
– การเช็ดทำความสะอาดทวารให้แห้งด้วยกระดาษชำระที่มีความนุ่มและเช็ดด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันกลิ่นอับ
– ล้างด้วยสบู่ที่มีความอ่อนโยนต่อผิวเพื่อล้างแบคทีเรียและสิ่งสกปรก
– สวมใส่กางเกงที่สบายไม่รัดผิวแน่นจนเกินไป
– การแช่น้ำอุ่นที่ผสมกับด่างทับทิมเล็กน้อยจะช่วยลดอาการอักเสบ การบวมและยังช่วยทำให้ริดสีดวงมีความสะอาดป้องกันกลิ่นเหม็นได้
สรุป
อาการริดสีดวงมีกลิ่นเหม็นนั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติผู้ที่เป็นริดสีดวง เนื่องมาจากการสาเหตุการเกิดริดสีดวงนั้นมาจากการอักเสบและโป่งพองของเส้นเลือดดำบริเวณส่วนปลายสุดของทวารหนักทำให้อาจเกิดการเน่า มีน้ำเหลือง มีการสัมผัสกับอุจจาระ ซึ่งมาจากการบีบรัดตัวของรูทวารจนส่งผลทำให้เกิดกลิ่นเหม็นขึ้นนั่นเอง โดยสามารถรักษาได้ด้วยวิธีผ่าตัด การฉีดยา การเหน็บยา การทายา ร่วมกับการหมั่นดูแลความสะอาดให้ดีเพื่อลดกลิ่นอับหรือกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ต่าง ๆ นั่นเอง