ฝีคัณฑสูตร
ฝีคัณฑสูตรจัดเป็นอีกหนึ่งปัญหาสุขภาพที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย ซึ่งจัดเป็นปัญหาที่หลายคนอาจจะคิดว่าคือริดสีดวง แต่ความจริงแล้วนั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนั้นในบทความนี้เราเลยจะมาให้ความรู้เรื่องฝีคัณฑสูตรว่าคืออะไร ต่างกับริดสีดวงอย่างไร และมีสาเหตุใดบ้างที่ก่อให้เกิดฝีคัณฑสูตรได้
ฝีคัณฑสูตรคืออะไร
ฝีคัณฑสูตร (Anal Fistula) หรือกลุ่มฝีเรื้อรังที่บริเวณทวารหนัก แก้มก้นหรือส่วนรอบ ๆ ปากทวารหนัก ถูกจัดให้เป็นโรคติดเชื้อที่มีความเรื้อรังประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรียจากอุจจาระของต่อมส่วนที่ทำหน้าที่ในการผลิตมูก (Anal Gland) จนทำให้เกิดเป็นฝีหนองขึ้นมาก และเมื่อมีการปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ เข้าตัวฝีจะค่อย ๆ ลุกลามไปยังส่วนชั้นกล้ามเนื้อของทวารหนักจนถึงขั้นทะลุไปยังส่วนผิวหนังรอบ ๆ ทวารหนัก
โดยตัวฝีคัณฑสูตรนั้นจะมีลักษณะเป็นรูเปิดด้านนอก และจะมีส่วนโพรงที่สามารถเชื่อมต่อระหว่างส่วนของทวารหนักและผิวหนังภายนอกหรือที่ทางการแพทย์เรียกว่า “Fistula Tract” ได้
ฝีคัณฑสูตรมีทั้งหมดกี่ชนิด
ในปัจจุบันตัวฝีคัณฑสูตรสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดด้วยกัน ดังนี้
- ฝีคัณฑสูตรแบบไม่ซับซ้อน (Simple Fistula)
จัดเป็นฝีคัณฑสูตรแบบชนิดที่อยู่ในชั้นตื้น และตัวฝีจะมีการเชื่อมต่อกันระหว่างรูทวารกับผิวหนังเพียงแค่ 1 ทางซึ่งชนิดนี้จะใช้การรักษาที่ง่ายกว่าแบบซับซ้อนนั่นเอง - ฝีคัณฑสูตรแบบซับซ้อน (Complex Fistula)
ชนิดนี้จะเป็นกลุ่มฝีคัณฑสูตรที่มีความลึกในผิวมากขึ้น อาจมีการเชื่อมต่อกับผิวหนังในหลายทางหรืออาจเชื่อมกับอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในบริเวณข้างเคียงได้ รวมไปถึงอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วนกล้ามเนื้อหูรูดของทวารหนักก็ได้เช่นกัน
สาเหตุการเกิดมีอะไรบ้าง
ปัญหาฝีคัณฑสูตรนั้นหลัก ๆ จะเกิดขึ้นมาจากการอักเสบ การติดเชื้อและการอุดตันของต่อมผลิตเมือกหรือมูก ที่ตัวคนไข้เองอาจจะได้รับเชื้อแบคทีเรียมาจากทางลำไส้จนทำให้เกิดการอักเสบเป็นหนอง และทำให้หนองค่อย ๆ กัดเซาะไปตามชั้นกล้ามเนื้อจนกลายเป็นโพรงที่เชื่อมต่อกันนั่นเอง
ซึ่งตัวฝีคัณฑสูตรนั้นมักพบได้ในกลุ่มของคนไข้ที่เคยมีประวัติการเกิดฝีที่ทวารหนักมาก่อนได้ถึงประมาณร้อยละ 50% แต่นอกจากนั้นก็ยังมีปัจจัยทางสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดฝีคัณฑสูตรได้อีก ดังนี้
– การติดเชื้อวัณโรค
– โรคมะเร็งผิวหนัง
– โรคมะเร็งทางทวารหนัก
– การติดเชื้อบางชนิด เช่น โรคแอคติโนมัยโคสิส และซิฟิลิส (Syphilis) เป็นต้น
อาการที่บ่งบอกว่าเป็นฝีคัณฑสูตร
ต่อไปเรามาดูกันบ้างว่าการเป็นฝีคัณฑสูตรจะมีลักษณะอาการอย่างไรบ้าง ซึ่งในบางรายอาจจะเป็น ๆ หาย ๆ ร่วมกับมีอาการดังนี้
– มีอาการบวมร่วมกับการปวดในบริเวณส่วนแก้มก้นหรือรอบทวารหนัก
– มีอาการคันผิวรอบ ๆ ทวารหนัก
– มีน้ำเหลืองซึมออกมาจากแผลหรือบางครั้งอาจมีเลือดหรือน้ำหนองปนออกมาด้วย
– เมื่อสัมผัสจะรู้สึกถึงรูหรือส่วนเนื้อแข็ง ๆ บริเวณรอบทวารหนัก
– มีอาการปวดรอบ ๆ รูทวารทั้งช่วงที่ขับถ่ายและช่วงที่ไม่ได้ขับถ่ายฟิลิส (Syphilis) เป็นต้น
ใครเสี่ยงเป็นฝีคัณฑสูตรได้บ้าง
– ผู้ที่มีการขับถ่ายบ่อย ๆ หรือวันละ 3-4 ครั้งต่อวัน
– ผู้ที่มีอายุน้อยมักมีโอกาสเป็นฝีคัณฑสูตรได้ง่ายกว่าผู้ที่อายุมาก
– สามารถมีโอกาสเป็นฝีคัณฑสูตรได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง แต่ในกรณีเพศชายมักจะมีอาการของโรคที่ค่อนข้างซับซ้อนมากกว่า (Syphilis) เป็นต้น
ความแตกต่างของฝีคัณฑสูตรกับริดสีดวง
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าฝีคัณฑสูตรและริดสีดวงนั้นเป็นคนละโรคกันเลย แต่จะมีการแสดงออกของอาการที่มีความคล้ายคลึงกันอยู่นั้นก็คือมีอาการปวดและมีเลือดซึมออกบริเวณทวารหนัก
การตรวจวินิจฉัยฝีคัณฑสูตร
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าฝีคัณฑสูตรและริดสีดวงนั้นเป็นคนละโรคกันเลย แต่จะมีการแสดงออกของอาการที่มีความคล้ายคลึงกันอยู่นั้นก็คือมีอาการปวดและมีเลือดซึมออกบริเวณทวารหนัก
- เข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการตรวจร่างกายและซักประวัติเบื้องต้น
- แพทย์จะมีการใช้ตัวคลื่นอัลตราซาวด์ในการตรวจเพื่อเช็คว่าเป็นฝีคัณฑสูตรแบบกรณีซ้ำซ้อนหรือไม่ซ้ำซ้อน
- ในกรณีที่คนไข้เป็นฝีคัณฑสูตรแบบซ้ำซ้อนจะมีการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการตรวจวินิจฉัยอีกรอบ
- แพทย์ประเมินและแนะนำแนวทางการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน
ฝีคัณฑสูตรอันตรายหรือไม่
การเป็นฝีคัณฑสูตรนั้นในความจริงแล้วไม่ได้มีความอันตรายใด ๆ แต่ทั้งนี้หากเป็นแล้วก็ไม่ควรจะปล่อยทิ้งไว้เนื่องจากอาจนำไปสู่การเป็นฝีคัณฑสูตรแบบเรื้อรัง ซึ่งจะทำให้คนไข้มีอาการเจ็บปวดบริเวณฝีที่หนักมาก และหากปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ อาจนำไปสู่สาเหตุการเกิดโรคมะเร็งในอนาคตได้อีกด้วย ดังนั้นหากพบว่าตัวเองมีอาการที่บ่งบอกว่าเป็นฝีคัณฑสูตรให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเร็วที่สุด
ฝีคัณฑสูตรสามารถหายเองได้ไหม
การเป็นฝีคัณฑสูตรนั้นถือเป็นโรคที่จะไม่สามารถหายเองได้ ในคนไข้บางรายตัวเม็ดฝีอาจมีการยุบตัวลงจนเหมือนว่าฝีหายแล้ว แต่ในความจริงแล้วอาจก่อให้เป็นซ้ำได้ค่อนข้างสูง ดังนั้นการเข้าพบแพทย์เพื่อรับการผ่าตัดและรักษาอย่างถูกวิธีก็ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด
เป็นฝีคัณฑสูตรกี่วันถึงจะหาย
เนื่องจากตัวฝีคัณฑสูตรจะไม่สามารถหายได้เอง ดังนั้นจึงต้องเข้าพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัดโดยหลังผ่าตัดนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 1-2 วันก็สามารถกลับไปใช่ชีวิตได้ตามปกติ แต่อาจจะต้องระมัดระวังเรื่องการยกของหนักหรือการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักก่อน 1-2 สัปดาห์
วิธีการรักษาฝีคัณฑสูตร
สำหรับการรักษาฝีคัณฑสูตรนั้นเราจะขอแบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ ดังนี้
รักษาด้วยตนเอง
– แช่น้ำอุ่น : โดยจะแช่ประมาณ 10-15 นาทีต่อครั้ง ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดอาการอักเสบได้ ช่วยบรรเทาอาการปวดในเบื้องต้นได้
– ปรับการทานอาหาร : โดยเน้นการทานอาหารกลุ่มที่มีกากใยที่สูงจะช่วยทำให้การขับถ่ายดีขึ้นและยังลดโอกาสเกิดริดสีดวงได้อีกด้วย
ซึ่งในความเป็นจริงแล้ววิธีนี้จะเป็นเพียงการช่วยบรรเทาอาการแบบเบื้องต้นเท่านั้นไม่สามารถรักษาฝีคัณฑสูตรให้หายขาดได้เหมือนการรักษาโดยแพทย์ได้
รักษาด้วยแพทย์
สำหรับการรักษาฝีคัณฑสูตรด้วยการแพทย์นั้นในปัจจุบันจะมีเพียงแค่วิธีเดียวเท่านั้นก็คือ “การผ่าตัด” แต่การผ่าตัดฝีคัณฑสูตรก็สามารถแบ่งแยกออกได้อีกหลายแบบด้วยกันดังนี้
– การผ่าตัดแบบดั้งเดิม : ก็คือการผ่าตัดแบบเปิดแผลผ่านทางรูทวาร เพื่อระบายน้ำหนองแล้วปล่อยให้แผลเข้าสู่กระบวนการสมานแผล แต่ก็มีข้อเสียคือหลังทำคนไข้อาจเจอปัญหากลั้นอุจจาระได้น้อยกว่าปกติ จึงทำให้วิธีนี้ต้องใช้ความชำนาญของแพทย์ค่อนข้างสูง
– การผ่าตัดด้วยเทคนิค LIFT : เทคนิค LIFT หรือ Ligation of Intersphincteric Fistula Tract ซึ่งจะเป็นวิธีการผ่าตัดแบบเข้าไปผูกบริเวณรูเปิดส่วนด้านในของฝีเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแบคทีเรียกลับเข้ามาในส่วนโพรงของฝีได้อีก แต่ก็มีข้อดีคือวิธีนี้จะไม่ส่งผลต่อการกลั้นอุจจาระ
– การผ่าตัดด้วยเทคนิค Seton : วิธีนี้จะใช้การคล้องตัวเชือกไว้ในส่วนโพรงของเม็ดฝี ซึ่งคนไข้จะต้องทำการดึงเชือกวันละนิดเพื่อให้ตัวเชือกค่อยตัดผ่านกล้ามเนื้อส่วนหูรูด ซึ่งวิธีนี้ในระหว่างที่คนไข้ค่อยดึงเชือกวันละนิดร่างกายก็จะมีการสมานแผลไปด้วยจึงทำให้ไม่ส่งผลต่อการกลั้นอุจจาระหลังทำ
– การผ่าตัดด้วยเลเซอร์ : วิธีนี้จะใช้การยิงแสงเลเซอร์เข้าไปในส่วนของโพรงฝีเพื่อไปทำลายเนื้อเยื่อในโพรงฝีให้เกิดการหดตัวจนกลายเป็นแผลเป็น ซึ่งจะทำให้ตัวโพรงฝีค่อย ๆ ปิดจากรูส่วนด้านในจนมาถึงรูเปิดด้านนอก- การผ่าตัดด้วยเทคนิค Advancement Rectal Flap : เทคนิคนี้จะใช้การนำเนื้อเยื่อของส่วนบุผนังด้านมาปิดส่วนรูเปิดด้านในของฝี เพื่อช่วยปิดทางเข้าของเชื้อโรคและแบคทีเรียสาเหตุของการอักเสบเกิดเป็นฝีคัณฑสูตร
วิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการเป็นฝีคัณฑสูตรซ้ำ
– หลังผ่าตัดควรดูแลรักษาแผลให้ดี เพื่อป้องกันการอักเสบและติดเชื้อจนทำให้ลุกลามไปยังตัวฝีคัณฑสูตรได้อีกรอบ
– การเลือกทานอาหารกลุ่มที่มีกากใยที่สูงเพื่อช่วยเรื่องระบบขับถ่ายให้คล่องมากยิ่งขึ้น
– ดื่มน้ำในแต่ละวันในปริมาณที่พอเหมาะกับที่ร่างกายต้องการ
– งดการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
– ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อเลี่ยงอาการท้องผูกหรือท้องเสีย
สรุป
ฝีคัณฑสูตรจัดเป็นอีกหนึ่งโรคที่มักเกิดขึ้นในส่วนบริเวณรอบทวารหนัก ซึ่งมีสาเหตุการเกิดมาจากการอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียในส่วนของต่อมผลิตเหมือกหรือมูกจนเกิดเป็นก้อนซึ่งมักมาพร้อมกับอาการเจ็บปวด มีก้อนแข็ง มีเลือกหรือน้ำหนองซึมออกมา ซึ่งเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย แต่มักมีโอกาสเกิดในคนที่มีอายุน้อยได้มากกว่าและหากเกิดในเพศชายตัวฝีมักจะมีโอกาสเกิดความซับซ้อนได้มากกว่าเพศหญิง
ซึ่งการเกิดฝีคัณฑสูตรนั้นจะมีความแตกต่างกับริดสีดวงทวารหนักอย่างชัดเจนทั้งสาเหตุการเกิดลักษณะของก้อนฝี รวมไปถึงวิธีการรักษา ซึ่งสำหรับการรักษาฝีคัณฑสูตรนั้นในปัจจุบันจะมีเพียงวิธีเดียวก็คือการผ่าตัดที่จะต้องทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเท่านั้นและตัวฝีคัณฑสูตรจัดเป็นโรคที่ไม่สามารถหายขาดได้เองถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีความอันตรายใด ๆ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ขนาดของฝีการมีการขยายใหญ่ขึ้น มีอาการเจ็บปวดที่มากขึ้นและอาจนำไปสู่สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งได้ในที่สุด ดังนั้นหากคนไข้ท่านใดที่พบลักษณะอาการที่คล้ายคลึงกับการเป็นฝีคัณฑสูตรแนะนำให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาในลำดับต่อไป