10 วิธีรักษาริดสีดวงแบบธรรมชาติ ด้วยตัวเอง ให้หายเร็ว โดยไม่ผ่าตัด

วิธีรักษาริดสีดวง

วิธีรักษาริดสีดวง

ริดสีดวงถึงแม้จะเป็นเป็นโรคที่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงหากอยู่ในระยะเริ่มต้น และสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยตัวเองจากวิธีธรรมชาติ แต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ริดสีดวงทวารก็จะสามาถพัฒนาให้กลายเป็นบานทะโรค(ริดสีดวงหัววเลือด) ซึ่งเป็นริดสีดวงระยะสุดท้ายที่มีความร้ายแรงและอันตรายถึงชีวิติได้ ซึ่งหากใครที่สำรวจตัวเองแล้วว่ากำลังมีอาการของโรคริดสีดวงทวารอยู่ แนะนำให้รีบทำการรักษา ด้วย 10 วิธีรักษาริดสีดวงด้วยตัวเอง แบบธรรมชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้ริดสีดวงพัฒนาจนมีอาการที่รุนแรงขึ้น และยากต่อการรักษาไปถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัด

สาเหตุหลักของการเกิดริดสีดวงทวาร

การเกิดโรคริดสีดวงทวารนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งมีสาเหตุหลักๆที่มักจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมต่างๆ จากการใช้ชีวิประจำวันที่ส่งผลกระทบต่อระบบลำไส้และการขับถ่าย เช่น

สาเหตุหลักโรคริดสีดวง
  • การรับประทานอาการที่มีกากใยน้อยเกินไป
  • การดื่มน้ำน้อยไม่เพียงพอต่อความร่างกาย
  • ท้องเสียบ่อยหรือมีอาการท้องเสียเรื้อรัง
  • การนั่งถ่ายในห้องน้ำนานๆ
  • การยกของหนักเป็นประจำ
  • การเบ่งถ่ายอุจจาระแรงๆ

ท่านสามารถลดความเสี่ยงของการเป็นโรคริดสีดวงทวารได้ เพียงแค่หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดโรคริดสีดวง หรือพฤติกรรมที่เป็นตัวกระตุ้นทำให้โรคริดสีดวงมีความรุนแรงขึ้น

10 วิธีรักษาริดสีดวงด้วยตัวเอง แบบธรรมชาติ

วิธีรักษาริดสีดวงด้วยตนเอง

ก่อนที่จะเข้ารับการผ่าตัดริดสีดวง สามารถรักษาริดสีดวงด้วยตัวเองได้หลายวิธี ท้ังวิธีที่จะช่วยให้อาการของโรคค่อยบรรเทาลง ลดความรุนแรงของโรค และรักษาอาการของโรคริดสีดวงให้หายขาดได้ดังนี้

1. นั่งแช่น้ำอุ่น

รู้หรือไม่ว่าการนั่งแช่ในน้ำอุ่นจัดที่มีการผสมผสมด่างทับทิมให้น้ำมีสีชมพูจางๆ แล้วลงไปนั่งแช่น้ำในน้ำอุ่นที่เตรียมไว้อย่างน้อย 15-30 นาที ก่อนอุจจาระและหลังอุจจาระเป็นประจำทุกวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง จะช่วยทำให้อาการอักเสบของริดสีดวงทวารดีขึ้นเพราะน้ำอุ่นจัดจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ช่วยลดการอักเสบ ลดการขยายตัวของหลอดเลือด และช่วย

คลายเส้นโลหิตที่โป่งพองให้มีการหดตัวได้ดีขึ้น เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคริดสีดวงในระยะที่ 2-3 ซึ่งอาจมีอาการอักเสบ ปวด บวม ของริดสีดวงด้วย

2. ทานอาหารที่มีกากใยสูง

ไฟเบอร์ในอาหารที่มีกากใยสูงถือเป็นตัวช่วยชั้นดีที่จะช่วยทำให้การขับถ่ายมีความคล่องตัวสูง ส่งผลให้อุจจาระไม่แข็งตัว และช่วยลดความเสี่ยงของอาการท้องผูก ดังนั้นคนเป็นโรคริดสีดวงจึงควรรับประทาน ผัก ผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เช่นผักตระกูลกะหล่ำ ที่มีใยอาหารช่วยให้ระบบย่อยอาหารการทำงานได้ดีมาก เช่น กะหล่ำปลีกะหล่ำดอก ผักกาดขาว และผลไม้ชนิดต่างๆอาทิ กล้วยน้ำว้า แก้วมังกร แตงโม แคนตาลูป แตงไท ส้มมังคุด แอบเปิ้ล มะละกอ มะพร้าว ส้ม มันม่วงเป็นต้น ซึ่งผักผลไม้ต่างๆเหล่านั้นจะช่วยปรับระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายทำงานได้คล่องขึ้น เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคริดสีดวงตั้งแต่ในระยะที่ 1-4

3. กินยาริดสีดวง

การใช้ยรรักษาริดสีดวงด้วยตัวยากลุ่ม flavonoids ที่มีส่วนประกอบของ diosmin และ hesperidin อย่าง Daflon ที่มีส่วนช่วยสร้างให้หลอดเลือดมีความแข็งแรงมาขึ้น และออกฤทธิ์ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำได้ดีขึ้น ช่วยรักษาความผิดปกติของการไหลเวียนในหลอดเลือดดำ สามารถลดความรุนแรงของหลอดเลือดดำอักเสบ อาการบวมจากการบาด และลดอาการบวมจากการบาดเจ็บร่วมด้วย จึงได้รับความนิยมนำมาใช้ในการบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ในระยะเริ่มต้น-ระยะกลางอย่างคนเป็นริดสีดวงในระยะที่ 1-3 แต่ต้องรับประทานยาตามที่แพทย์หรือเภสัชแนะนำเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

4. ทายาหรือพ่นสเปรย์ริดสีดวง

ยาทาริดสีดวงมีทั้งรูปแบบเนื้อครีม เนื้อเจล ขี้ผึ้ง ที่มีตัวยาช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ปวด คัน ที่บริเวณริดสีดวง หรืออาจจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในรูปแบบสเปรย์พ่น (ขึ้นอยู่กับสูตรยาของแต่ละยี่ห้อ) อย่างสเปรย์รักษาริดสีดวงอันโดะ ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการช่วยลดอาการอักเสบ ลดการระคายเคือง ลดอาการบวม สมานแผลที่เกิดจากการเสียดสีภายในรูทวาร ด้วยส่วนผสมน้ำแร่จากญี่ปุ่นและสมุนไพรถึง 5 ชนิด มีขนาดพกพาได้สะดวก และใช้งานง่ายเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากการใช้มือสัมผัส เหมาะสำหรับการรักษาริดสีดวงที่อยู่ในระยะที่ 1-4 เนื่องจากตัวยาจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้อ และลดการเสียดสีของแผลจากริดสีดวงได้ อีกทั้งยังช่วยให้แผลจากริดสีดวงแห้งเร็วขึ้นด้วย

5. ใช้ยาเหน็บริดสีดวง

การใช้ยาเหน็บเพื่อรักษาริดสีดวง เป็นยาแท่งเล็กๆที่มีลักษณะคล้ายกระสวย มีลักษณะนิ่ม(หากตัวยามีลักษณะเหลวไม่เป็นแท่ง ให้นำยาไปแช่ตู้เย็นก่อน)

ซึ่งมีคุณสมบัติใช้ในการรักษาริดสีดวงได้ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อลดการระคายเคืองและอาการคันรอบรูทวารหนัก จากรอยแผลที่มาสาเหตุมาจากริดสีดวง ซึ่งตัวยาจะช่วยสมานแผล บรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ และฆ่าเชื้อๆอ่อนได้ แต่ก่อนการใช้ยาควรมีการอ่านฉลากยาอย่างละเอียดถึงวิธีการใช้และข้อควรรระวัง ซึ่งหากใครที่ต้องการใช้ยาสอดเป็นครั้งแรกสามารถทำตามขึ้นตอนได้ดังนี้

  • ล้างมือให้สะอาดซับให้แห้ง หรือสวมถุงมือยางให้เรียบร้อย
  • นอนตะแคงในข้างที่ถนัด แล้วเหยียดขาด้านล่างให้ตรง จากนั้นให้งอขาข้างบนขึ้นเพื่อเปิดรูทวารหนัก
  • สอดหัวยาเข้าไปในรูทวารหนักช้าๆโดยใช้นิ้วชี้ดันหัวยาให้เข้าไปลึกประมาณ 1 นิ้ว ค้างไว้ประมาณ 15 นาที เพื่อให้ยาละลายหมด โดยไม่หลุดออกมา จากนั้นล้างมือให้สะอาด

วิธีการใช้ยาเหน็บจะช่วยเหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคริดสีดวงมีความรุนแรงปานกลางในระยะที่ 2-3 ซึ่งจะช่วยการบรรเทาอาการริดสีดวงทวารให้ดีขึ้นได้ แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องจนครบ 7 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาด้วยวิธีอื่น

6. สมุนไพรรักษาริดสีดวง

การใช้สมุนไพรรักษาริดสีดวง เป็นการรักษาริดสีดวงทวารโดยใช้สมุนไพรโบราณสูตรเฉพาะที่มีฤทธิ์ในการรักษาริดสีดวงได้จริง ด้วยการรักษาที่ต้นเหตุของอาการ ไม่ใช่แค่การบรรเทา เห็นผลได้เร็วและชัดเจนด้วย มีปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ด้วยสมุนไพรหลักถึง 5 ชนิด ได้แก่ เพชรสังฆาต ใบมะกา โกฐกักกรา ใบมะขามแขก อัคคีทวาร ที่มีสรรพคุณในการลดความผิดปกติของหลอดเลือด ห้ามเลือด ลดอาการปวด อักเสบช่วยสมานแผลจากริดสีดวง ช่วยทำให้หัวริดสีดวงฝ่อเล็กลง ช่วยระบบขับถ่ายทำงานได้คล่องขึ้น อุจาระไม่เป็นก้อนแข็ง และดูแลทั้งระบบเพื่อให้หายขาดจากโรคริดสีดวง มีความปลอดภัยสูง สามารถรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงระยะที่ 4

7. การออกกำลังกาย

การออกำลังกายหรือการทำให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยทำให้การรักษาริดสีดวงหายได้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากจะช่วยทำให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณรอบทวารหนัก ลดอาการเลือดครั่งที่ส่งนปลายของทวาร และช่วยให้ลำไส้เคลื่อนตัวบรรเทาอาการท้องผูก ซึ่งการออกกำลังกายที่เหมาะกับคนเป็นริดสีดวงได้แก่ การเล่นโยคะ การเดินออกกำลังกายเป็นประจำ และการว่ายน้ำ เป็นต้น

แต่สำหรับผู้ที่เคยมีอาการริดสีดวงทวารหนักมาแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกลังกายที่ทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายเกิดอาการเกร็ง โดยเฉพาะหน้าท้อง และบั้นท้าย เช่น เวทเทรนนิ่ง (การออกกำลังกายแบบยกน้ำหนัก) อาจส่งผลให้หลอดเลือดดำทวารหนักมีอาการโปร่งพองจนอาการริดสีดวงกำเริบได้

8. งดอาหารแสลง

เพราะอาหารมีส่วนสำคัญมากต่อระบบลำไส้และการขับถ่ายโดยตรง ดังนั้นคนที่เป็นโรคริดสีดวงจึงควรเลือกทานอาหารให้เหมาะสม มีประโยชน์ช่วยลดอาการริดสีดวงทวาร และการงดอาหารที่แสลงต่อโรคริดสีดวงอย่างเช่น

  • อาหาสุกๆดิบ อาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน
  • ผักบางชนิดที่มีฤทธิ์ร้อน หรือผลไม้ที่มีรสชติหวานจัด
  • อาหารแปรรูป หรือของหมักของดองทุกชนิด
  • เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  • เนื้อวัว เนื้อควาย เนื้อจระเข้ และอาหารทะเลทุก
  • ของทอดของมันทุกชนิด

เนื่องอาหารเหล่านี้จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดอาการอักเสบของริดสีดวง อีกทั้งยังเป็นอาหารที่ย่อยยาก ทำให้ลำไส้และระบบขับถ่ายทำงานหนัก อุจจาระเป็นก้อนแข็ง ถ่ายลำบากทำให้ต้องนั่งถ่ายนานหรือทำให้ต้องแบ่งถ่ายอุจจาระแรงๆ จนอาการของริดสีดวงมีความรุนแรงขึ้น ซึ่งวิธีนี้เหมาะในการรักษาโรคริดสีดวงทุกระยะตั้งแต่ระยะที่ 1-4

9. ดื่มน้ำมากๆ

การดื่มน้ำเปล่าสะอาดมากๆจะช่วยทำให้ระบบการขับของเสียในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ลำไส้รวมถึงระบบขับถ่ายทำงานอย่างอย่างคล่องตัว โดยแนะนำให้คนที่เป็นโรคริดสีดวงดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพราะนอกจากน้ำจะช่วยขับของเสียจากร่างกายแล้ว น้ำยังมีส่วนช่วยทำให้อุจจาระนุ่มไม่เป็นก้อนแข็ง ขับถ่ายง่าย ไม่ต้องเจ็บจากการที่อุจจาระแข็งๆเสียดสีกับริดสีดวง และการดื่มน้ำจะช่วยลดปัญหาท้องผูกได้อีกด้วย ดังนั้นคนที่มีอาการของริดสีดวงตั้งแต่ระยะที่ 1-4 ควรดื่มน้ำให้มากๆเพื่อปรับการทำงานของลำไส้

10. รักษาความสะอาดริดสีดวง

โรคริดสีดวงอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อในบริเวณรอบทวารหนักได้ ดังนั้นหลังการอุจจาระหรือปัสสาวะเสร็จทุกครั้งควรทำความสะอาดบริเวณริดสีดวงด้วยสบู่ทำความสะอาดริดสีดวงสูตรโอนโยนอันโดะ เพื่อใช้ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นริดสีดวงโดยเฉพาะ มีคุณสมบัติลดอาการแสบ คัน อักเสบ บวมเเดง ลดการติดเชื้อ ฆ่าเเบคทีเรีย เชื้อรา และช่วยสมานเเผลให้เเห้งเร็ว ด้วยส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด เช่นเพชรสังฆาต ใบบัวบก ทองพันชั่ง ฟ้าทะลายโจร และใบหญ้านาง ที่ขึ้นชื่อเรื่องการบรรเทาริดสีดวงให้มีความรุนแรงลดลง สามารถใช้รักษาริดสีดวงได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นไปจนถึงระยะที่ 4

อาการแบบไหนบ้างที่ควรต้องไปพบแพทย์

สำหรับคนที่เป็นโรคริดสีดวงทวารและมีการรักษาเบื้อต้นด้วยตัวเองแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น หรือคนที่เป็นริดสีดวงที่อยู่ในระยะรุนแรงเช่นคนที่มีอาการต่างๆดังต่อไปนี้ ที่ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจทวารหนักและทำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดต่อไป

อาการแบบไหนควรพบแพทย์
  • มีเลือดออกจำนวนมากหลังการถ่ายอุจจาระ หรือมีเลือดไหลไม่หยุด
  • มีก้อนหรือติ่งริดสีดวงยื่นออกมาจากขอบทวาร ในขณะขับถ่าย ไม่สามารถหดกลับได้เองและไม่สามารถดันกลับเข้าที่ได้
  • มีแผลริดสีดวงอยู่รอบทวารหนัก มีอาการปวด บวม จากการอักเสบ และเจ็บบริเวณทวารหนัก
  • มีความรู้สึกเปียกแฉะ คันรอบๆ ปากทวารหนัก หรือมีหนองทำให้ส่งกลิ่นเหม็น
  • คลำเจอก้อนบริเวณทวารหนักแม้ไม่ใช้หลังการขับถ่าย
  • มีอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียน หน้ามืด ตัวซีด จากการเสียเลือดมาก

สรุปปิดท้าย

อาการของโรคริดสีดวงในแต่ละระยะจะมีความแตกต่างกันออกไป ซึ่งความรุนแรงของโรคจัมีการพัฒนาขึ้นตามระยะของโรคที่เป็น ดังนั้นหากใครที่กำลังสงสัยว่าตัวเองจะเป็นโรคริดสีดวง ควรเข้ารับการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกรเพื่อเลือกการใช้ยาที่เหมาะสม และเพื่อรักษาให้หายขาดจากโรคริดสีดวงได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด และสำหรับใครที่กำลังรักษาโรคริดสีดวงด้วยเองอยู่นั้น การทานยารักษาริดสีดวงก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ให้ผลลัพธ์หลังการรักษาที่ชัดเจน สามารถรักษาริดสีดวงได้ตั้งแต่ระยะที่ 1-4 ซึ่งหากใครมีข้องสงสัยอยากอยากปรึกษาเพิ่มเติมแนะนำให้ติดต่อได้ที่ โทร. 094-496-5474 หรือ Line : @andoridzy

บทความโดย

พทป. ธีรดี ดวงวาณิชย์
แพทย์แผนไทยประยุกต์ สมุนไพรไทยเพื่อการรักษาตามตำรับ

Similar Posts