7 พฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยงโรคริดสีดวง ป้องกันได้หากปรับพฤติกรรมให้ถูกต้อง
ริดสีดวงทวารเป็นโรคหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัว แต่รู้หรือไม่ว่า 70% ของคนไทยกำลังมีอาการป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวาร โดยเฉพาะคนที่อาจมีพฤติกรรมที่ส่งผลต่อระบบการทำงานของลำไส้ และระบบการขับถ่าย จนเกิดความเสี่ยงแบบไม่รู้ตัว วันนี้เราจะพามาสำรวจ 7 พฤติกรรมที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคริดสีดวงแบบไม่รู้ตัว เพื่อให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงพฤติกรรมต่างๆเหล่านั้น และช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคริดสีดวงทวรในอนาคตได้ เช่น
1. ชอบเล่นโทรศัพท์หรืออ่านหนังสือในห้องน้ำ
หลายคนชอบเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือการอ่านหนังสือในขณะขับถ่าย รู้หรือไม่ว่าเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงทำให้เกิดโรคริดสีดวงได้ง่าย เพราะเป็นการเพิ่มระยะเวลาในการขับถ่ายให้นานขึ้น ซึ่งในขณะที่เรามีการนั่งขับถ่ายโดยท่าหย่อนก้นที่ชักโครก นั้นเส้นส่วนปลายของรูทวารจะมีการหย่อนตัวลง ดังนั้นเมื่อใช้เวลาในการนั่งขับถ่ายที่นานเกินไป จึงทำให้มีเลือดไหลไปคั่งอยู่ตรงบริเวณทวารหนัก จนทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคริดสีดวงทวารหนักนั่นเอง
โดยปกติระยะเวลาเหมาะสมที่ใช้ในการถ่ายหนัก ไม่ควรเกิน 10-15 นาที ซึ่งหากใครที่ใช้เวลานานกว่าปกติเป็นประจำ และสำรวจตัวเองเริ่มมีความรู้สึกตุ่ย ๆ ตรงบริเวณทวารหนัก รวมถึงมีเลือดปนออกมากับอุจจาระในขณะขับถ่าย หรือมีอาการคันตรงทวารหนักร่วมด้วยโปรดรู้ไว้ว่าคุณอาจเสี่ยงเป็นริดสีดวงทวารหนักได้
2. เบ่งถ่ายอุจจาระแรงๆเป็นประจำ
สำหรับใครที่มีพฤติกรรมชอบแบ่งแรงๆในขณะอุจจาระเพื่อการขับอุจจาระก้อนสุดท้ายออกมานั้น หรือ การพยายามหรือบังคับ เบ่งอุจจาระขณะที่ยังไม่ปวดก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงได้เช่นกัน เนื่องจากการเบ่งอุจจาระแบบแรงๆ เป็นการกระตุ้นและช่วยเพิ่มแรงดันในลำไส้ ทำให้เส้นเลือดเกิดการขยายตัว และโป่งพองดันเนื้อเยื่อในรูทวาร เมื่อมีการขับถ่ายจึงทำให้มีเลือดสดไหลออกมาพร้อมกับอุจจาจระ ซึ่งหากทำแบบนี้อยู่บ่อยๆครั้ง อาจเสี่ยงทำให้ลำไส้โป่งพอง เกิดริดสีดวงทวารได้ ดังนั้นถ้าจะให้ดีควรปรับพฤติกรรมการถ่ายอุจจาระ เพื่อให้ระบบการขับถ่ายที่ตรงต่อเวลา และทานอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อให้สามารถขับถ่ายได้ง่ายไม่ต้องเบ่งถ่ายอุจจาระแรงๆ
3. ดื่มน้ำน้อยเป็นประจำทำให้ท้องผูกเรื้อรัง
รู้หรือไม่ว่าน้ำมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งใน 1 วัน หากมีการดื่มน้ำไม่เพียงพอตามที่ร่างกายมีความต้องการ อาจส่งผลให้ร่างกายและระบบย่อยอาหารเกิดการทำงานได้ยากลำบากมากขึ้นกว่าเดิม และอาจทำให้เราไม่สามารถขับอุจจาระตามปกติได้ เนื่องจากอุจจาระในลำไส้อาจแห้งเกินไป ทำให้ในผู้ที่มีการดื่มน้ำน้อยเป็นประจำ ในลำไส้มีของเสียสะสมอยู่เยอะ และของเสียเหล่านั้นหากไม่สามารถขับถ่ายออกไปได้จะถูกดูดซึมของเสียนั้นกลับเข้าสู่ร่างกายไปอีกครั้ง ซึ่งยิ่งจะทำให้เลือดข้นหนืดกว่าเดิมจนส่งผลให้อุจจาระแข็งแห้งขึ้นเรื่อยๆ และทำให้เกิดอาการท้องผู้เรื้อรัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่จะทำให้เกิดอาการของโรคริดสีดวงได้
ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำในปริมาณที่ร่างกายต้องการอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน นอกจากนี้การดื่มน้ำน้อยเป็นประจำยังส่งผลเสียในด้านอื่นๆต่อร่างกายอีกด้วย เช่น ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย มึนงง สมองไม่แล่น และผิวพรรณไม่สดใสเป็นต้น
4. ทานอาหารรสจัดหรือของทอดของมัน
การทานอาหารที่มีรสจัดอย่างเผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด ซึ่งเป็นอาหารที่ไปกระตุ้นธาตุไฟ ธาตุน้ำ และธาตุลมในระบบร่างกาย และเมื่อธาตุต่าง ๆ ในร่างกายเกิดผิดปกติ ทำให้มีผลต่อการทำงานของลำไส้ และส่งผลไปยังระบบการขับถ่ายโดยตรง (โดยเฉพาะอาหารที่มีรสหวานจัดซึ่งเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดการอักเสบของร่างกาย) ซึ่งหากมีการรับประทานในปริมาณมากๆ หรือทานเป็นประจำก็อาจจะทำให้เกิดอาการท้องผูก ท้องเสีย แสบทวารหนัก หรือมีการถ่ายเป็นเลือดได้
ซึ่งอาจเสี่ยงเป็นริดสีดวงทวารได้ในอนาคต ดังนั้นใครที่กังวลว่าจะเป็นโรคริดสีดวงควรลดความจัดจ้านของอาหารลง เพื่อเป็นการป้องกันหรือหากใครที่กำลังมีอาการของโรคริดสีดวงอยู่ก็ควรงดอาหารรสจัดด้วยเช่นกัน นอกจากการไม่ทานของรสจัดยังเป็นผลดีต่อสุขภาพในด้านอื่นๆอีกด้วย
5. กลั้นอุจจาระเป็นประจำ
การกลั้นอุจจาระเป็นประจำ อาจส่งผลทำให้ร่างกายไม่ได้ขับของเสียออกมาในเวลาที่เหมาะสม และหากมีการกลั้นอุจจาระเป็นเวลานานๆก็จะทำให้อุจจาระถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกาย หรือเข้าไปติดค้างอยู่ในลำไส้ใหญ่ จนทำให้การขับถ่ายในครั้งต่อไปยากลำบากมากขึ้น เพราะมีการสะสมของเสียอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มีการระบายออกน้อย ทำให้อุจจาระถูกอัดแน่นจนแข็ง เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดท้องผูก
ดังนั้นขอแนะนำให้เข้าห้องน้ำทันทีเมื่อรู้สึกปวดอุจจาระ เพื่อจะได้ไม่ต้องออกแรงเบ่งถ่ายแรงๆ หรือไม่ต้องใช้ยาระบายเป็นประจำ จนทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานผิดปกติ และเป็นสาเหตุทำให้เป็นริดสีดวงทวารได้ ทั้งนี้การกลั้นอุจจาระยังอาจทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
6. ยกของหนักเป็นประจำ
การยกของหนังเป็นประจำ ก็เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคริดสีดวงได้อย่างไม่รู้ตัว เนื่องจากการยกของหนักต้องใช้แรงดันที่มีอยู่ในร่างกายมากกว่าปกติ จนทำให้เกิดการสะสมแรงดันในช่องท้องซึ่งอาจส่งผลในเส้นเลือดส่วนหลังลงไปถึงเส้นเลือดในทวารหนักอาจเกิดอาการบวม ดันเนื้อเยื่อรอบรูทวารให้โผล่ออกมา และเกิดการอักเสบ จนทำให้เกิดสาเหตุของโรคริดสีดวงได้
นอกจากนี้การยกของหนักเป็นประจำยังอาจเสี่ยงทำให้เกิดโรคอื่นๆตามมาได้อีกด้วย เช่นโรคกระดูกทับเส้น ปวดท้องเฉียบพลัน ซึ่งหากใครที่ไม่อยากมีอาการเหล่านี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการยกของหนักเป็นประจำนั่นเอง
7. ใช้ยาระบายเป็นประจำ
การใช้ยาระบายพร่ำเพรื่อเป็นประจำ โดยไม่มีสาเหตุ หรือไม่มีเหตุจำเป็นรวมไปถึงไม่มีการปรึกษาจากแพทย์และเภสัชกรนั้น อาจนำไปสู่การใช้ยาระบายที่ไม่เหมาะสม ทำให้ระบบการขับถ่ายของร่างกายทำงานผิดปกติ และส่งผลต่อการบีบรัดของลำไส้ จนทำให้ผนังในทวารเกิดการอักเสบ หากใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลทำลายเส้นประสาท และกล้ามเนื้อในลำไส้เมื่อเส้นประสาทถูกทำลายจะทำให้ลำไส้เป็นอัมพาตจนไม่สามารถทำการย่อยได้เอง
และเมื่อลำไส้ไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติ ร่างกายจะไม่สามารถขับถ่ายได้เองไปโดยอัตโนมัติ และหลังจากนั้นจะนำไปสู่การเกิดโรคริดสีดวงทวารในที่สุด ซึ่งพบได้บ่อยมากในคนที่รับประทานยาระบายเพื่อช่วยในการลดน้ำหนัก หรือทานยาระบายเกินปริมาณที่กำหนด และคนที่ทานยาระบายอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ จนมีอาการดื้อยา
วิธีลดความเสี่ยงของการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
1. งดการเล่นโทรศัพท์มือถือ งดการอานหนังสือ หรือกิจกรรมต่างๆที่อาจทำให้การนั่งถ่ายใช้เวลานานกว่า 10-15 นาที
2. เพื่อช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยลดอาการท้องผูก ควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ เป็นประจำทุกวัน
3. ดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรขึ้นไป ซึ่งน้ำ จะเป็นตัวช่วยทำให้อุจจาระนิ่ม ไม่เป็นก้อนแข็ง ช่วยลดการเสียดสีในขณะขับถ่าย และช่วยทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น
4. ควรรับเข้าห้องน้ำทันทีที่รู้สักปวดถ่าย ไม่ควรกลั้นอุจจาระ เพื่อลดปัญหาที่ต้องเบ่งอุจจาระแรงๆในครั้งต่อไป
5. รักษาสุขอนามัย ด้วยการล้างทำความสะอาดบริเวณทวารหนักทุกครั้งหลังการขับถ่าย และเช็ดด้วยกระดาษชำระที่ไม่แข็งเพื่อป้องกันการเกิดบาดแผลที่ทวารหนัก
6. หลีกเลี่ยงการยกของหนักเป็นประจำ เพื่อไม่ทำให้เกิดแรงดันในช่องท้อง
7. งดการใช้ยาระบายแบบพร่ำเพื่อ ควรเลือกใช้เฉพาะเวลามีอาการท้องผูกเท่านั้น เพื่อป้องกันการเกิดโรคลำไส้ขี้เกียจ
สรุป
หากใครที่สำรวจตัวเองแล้วพบว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงที่ได้กล่าวไปนั้น ให้รีบปรับเปลี่ยน 7 พฤติกรรมที่เสี่ยงของโรคริดสีดวง เพื่อความเสี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นได้ในอนาคต
แต่สำหรับใครที่มีอาการของโรคริดสีดวง ควรเข้ารับปรึกษาแพทย์เพื่อสามารถวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้อย่างแม่นยำ หรือปรึกษาเภสัชเพื่อใช้ยารักษาได้อย่างถูกต้อง แต่หากพบว่ามีการตรวจเจอก้อนเนื้อตรงบริเวณทวารหนัก เช่นอาจคลำเจอก้อนเนื้อนุ่มๆ มีสีคล้ำตรงบริเวณปากทวารหนัก อาจจะต้องตัดชิ้นเนื้อเพื่อนำไปตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อช่วยแยกให้ได้ชัดเจนระหว่างโรคริดสีดวงและโรคมะเร็ง